วันอังคารที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2556

ระบบการปกครอง

การปกครองท้องถิ่นของประเทศมาเลเซียเบื้องต้นที่เราควรรู้

ก่อน ที่จะไปกล่าวถึงระบบการปกครองท้องถิ่นของประเทศมาเลเซีย  ขอเกริ่นถึงประวัติการปกครองของประเทศนี้เคร่าๆก่อนครับ  ประเทศมาเลเซียมีการปกครองแบบสหพันธ์รัฐ  โดยมีรัฐทั้งหมด 13 รัฐด้วยกันประเทศมาเลเซียประกอบด้วยดินแดนสองส่วนด้วยกัน  ส่วนแรกคือส่วนที่เป็นแผ่นดินซึ่งตั้งอยู่ปลายแหลมมาลายูมีเนื้อที่ประมาณ  131,582 ตารางกิโลเมตร ประกอบไปด้วย  รัฐด้วยกันดังนี้  เกอลันตัน  เตอเริงกานู  ปาหัง  โยโฮร์  เมอละกา  เนอเกอรีเซิมบิลัน  เซอลังงอร์  เปรัก  เกอดะห์  ปีนัง และเปร์ลิส และอีกส่วนหนึ่งเป็นส่วนที่เป็นเกาะซึ่งตั้งอยู่บนเกาะบอร์เนียว เรียกกันว่ามาเลเซียตะวันออก  มีเนื้อที่ทั้งสิ้น  198,154 ตารางกิโลเมตร  2 สองรัฐด้วยกันคือ รัฐซาบาห์และรัฐซาราวัค  ว่ากันว่าขนาดของประเทศมาเลเซียจะเท่ากับประเทศพม่าเลย  แต่หากเปรียบเทียบกับประเทศไทยแล้วประเทศมาเลเซียมีขนาดเพียงสองในสามของ ประเทศไทยเท่านั้น

ประเทศ มาเลเซียได้รับเอกราชจากอังกฤษเมื่อวันที่  31 สิงหาคม  ปี 1957  โดยประกาศเป็นประเทศที่มีรัฐธรรมนูญแบบสาธารณรัฐ  การรวมตัวกันของซาบะห์  ซาราวัคและสิงค์โปรในปี 1963 ทำให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในเวลานั้น  ต่อมาสิงค์โปรก็ต้องแยกตัวออกไปในปี 1966   การปกครองของประเทศมาเลเซียประกอบไปด้วยสามระดับด้วยกัน  ระดับแรกก็คือระดับสหพันธ์รัฐ  ระดับต่อมาก็คือระดับรัฐ  และระดับที่สามก็คือระดับท้องถิ่น  

ระดับ แรกนั้นกล่าวง่ายๆก็คือระดับประเทศนั้นเอง  รัฐสภาของประเทศมาเลเซียประกอบไปด้วยสองสภาเหมือนกับประเทศไทย  กล่าวคือมีทั้งสภาผู้แทนราษฎร  และวุฒิสภา  และที่สำคัญรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญของประเทศมาเลเซียยังประกอบไปด้วยสมเด็จพระ ราชาธิบดีหรือดาคงด้วย  แต่ท่านจะไม่เป็นผู้นำในรัฐสภายกเว้นเฉพาะในช่วงเวลาที่จำเป็นแลำสำคัญเท่า นั้น  ตามมาตรา 32  (2) ตามรัฐธรรมนูญแห่งสหพันธ์รัฐ  สมเด็จพระราชาธิบดีมีวาระในตำแหน่ง 5 ปี ซึ่งตำแหน่งดังกล่าวได้รับการแต่งตั้งโดยสภาผู้ปกครองจากทั้งเก้ารัฐที่มี ผู้ปกครอง(สุลตาน)จากทั้ง 9 รัฐด้วยกัน  ส่วนสี่รัฐที่ไม่มีสุลตาลปกครองก็คือรัฐปีนัง  รัฐมะละกา  รัฐซาบะห์และรัฐซาราวัค  แม้ไม่มีสุลตานปกครองรัฐเหล่านี้ก็ยังมีผู้ว่าการรัฐที่ได้รับการแต่งตั้ง จากสมเด็จพระราชาธิบดีโดยจะมีวาระในตำแหน่ง 4 ปี

หลัง จากได้ทราบเรื่องราวเบื่องต้นของการปกครองแบบระดับประเทศแล้วเรามาดูการ ปกครองในระดับรัฐกัน  ในรัฐผู้นำสูงสุดของรัฐแต่ละรัฐคือสุลตาน  ท่านจะปฏิบัติตามคำแนะนำของสภาผู้บริหารรัฐซึ่งนำโดย Menteri Besar  หรือมุขมนตรี  แต่หากเป็นรัฐที่ไม่มีสุลตานก็จะมีผู้ว่าการรัฐที่ได้รับการแต่งตั้งโดยอา กงเพื่อที่จะทำหน้าที่ในทางพิธีกรรมต่างๆ คล้ายๆกับสุลตานเหมือนกับในรัฐอื่นๆ  แต่ไม่มีอำนาจเท่ากันเป็นเพียงผู้นำตามพิธีการเท่านั้น  ในการปกครองระดับรัฐนั้นจะมีสภาแห่งรัฐเหมือนกันกับสภาของประเทศ  แต่จะต่างกันตรงที่สภาแห่งรัฐนั้นจะมีเพียงสภาเดียวไม่เหมือนกับสภาแห่ง สหพันธ์ที่มีสองสภา  สภารัฐเหล่านี้จะมีการเลือกตั้งกันทุก 5 ปี สภาแห่งรัฐจะมีอำนาจในการออกกฎหมายได้เต็มที่ตราบใดที่ไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ แห่งสหพันธ์  สภาผู้บริหารแห่งรัฐจะเป็นคณะผู้บริหารรัฐเรียกกันสั้นๆว่าเอ็กโค  จะดำเนินกิจกรรมทืุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับรัฐ  ซึ่งผู้นำของเอ็กโคก็คือหัวหน้าพรรคที่ชนะการเลือกตั้งในระดับรัฐเรียกว่า เมินตรีเบอซานั้นเอง

สุด ท้ายเราก็มาดูกันถึงระดับการปกครองล่างสุดของประเทศมาเลเซีย  นั้นก็คือในระดับท้องถิ่นนั้นเอง  ตามกฎหมายการปกครองท้องถิ่นมองประเทศมาเลเซียปี 1976 ประเทศมาเลเซียได้มีการแบ่งการปกครองท้องถิ่นออกเป็น 6 ชนิดด้วยกันคือ
- กรุงกัวลาลัมเปอร์ 
- สภาเทศบาล 
- สภาเมือง 
- คณะเมือง 
- คณะเขตชนบท 
- สภาท้องถิ่น 

จาก การมาตรา 171 มีผลทำให้มีเพียงสองหน่วยการปกครองท้องถิ่นคือ  สภาเทศบาล  และสภาเขต และจากกฎหมายการปกครองท้องถิ่นปี 1976 หน่วยงานปกครองท้องถิ่นมีหน้าที่ดังต่อไปนี้
- หน้าที่วางแผนท้องถิ่น 
- หน้าที่ในการออกใบอนุญาติ
- อำนาจในการเก็บภาษีบางชนิด
- อนุญาติในการสร้างบ้านที่อยู่อาศัยหรือพวกห้างร้านต่างๆ
- อำนาจในการวางแผนเมืองและหน้าที่ด้านการจัดการ
- การจัดการจราจรและการควบคุมระบบขนส่งมวลชน
- อำนาจในการวางแผนและการสนับสนุนสิ่งสาธารณะต่างๆ

หน้าที่ หลักๆของหน่วยงานท้องถิ่นสามารถแบ่งออกเป็นด้านต่างๆได้ดังนี้  ด้่านสิ่งแวดล้อม  ด้านงานสาธารณะ  ด้านสังคม และด้านการพัฒนา วึ่งหากมองเผินๆก็คล้ายๆกับบ้านเรานั้นเอง  แต่จุดที่สำคัญที่นำมาซึ่งความสับสนของทางมาเลเซียที่กล่าวไว้ข้างต้นก็คือ ประเทศนี้ไม่มีการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่น  ทำให้เวลาระดับผู้บริหารท้องถิ่นของมาเลเซียมาเยี่ยมเยือนหรือมาติดต่อธุระ ต่างๆก็จะตรงเข้าไปหาข้าราชการดังที่กล่าวไปแล้ว  เพราะผู้นำเหล่านี้ของประเทศมาเลเซียสวมหมวกสองใบ คือเป็นทั้งนายอำเภอและนายกเทศมนตรีในเวลาเดียวกัน  และก่อนหน้านี้บ้านเราก็ให้หัวหน้าส่วนข้าราชการดูแลหรือเป็นประธานในหน่วย งานท้องถิ่นด้วย  เหตุนี้จึงทำให้ทางมาเลเซียจึงไปเข้าพบกับข้าราชการ เช่นนายอำเภอแทนที่จะเข้าพบกับผู้ที่มีอำนาจโดยตรงกับผู้บริหารท้องถิ่น อย่าง อบต หรือ เทศบาล

จริงๆ แล้วการเลือกตั้งท้องถิ่นของประเทศมาเลเซียนั้นเมื่อก่อนก็เคยจัดขึ้นมาแล้ว  แต่ต้องถูกยกเลิกไปเมื่อปี 1970 นั้นเอง  หลังจากนั้นเป็นต้นมาเทศมนตรีหรือผู้บริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องะถิ่นก็ มาจากการแต่งตั้งของ Menteri  Besar โดยตรง  และชื่อที่ถูกเสนอขึ้นไปจะมาจากการเสนอของพรรคการเมืองที่ได้รับชัยชนะใน รัฐนั้นๆ  หากมองในแง่นี้เทศมนตรีหรือผู้นำในระดับท้องถิ่นเหล่านี้ก็จะไม่มีอิสระใน การบริหารเท่าที่ควร  พวกเขาจะขึ้นตรงต่อผู้ที่แต่งตั้งเขามาเท่านั้น  หากมองในเรื่องของประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้งแล้ว  การเลือกตั้งที่มีในระดับท้องถิ่นเป็นสิ่งที่ดีซึ่งประเทศมาเลเซียเองนับ ว่ามีการพัฒนาล่วงหน้าประเทศไทยไปมาก  แต่แล้วทำไมประเทศนี้ต้องยุติการเลือกตั้งตัวแทนในระดับท้องถิ่นเสีย  มีสิ่งดีๆอยู่แล้วทำไมต้องยกเลิก  เรื่องนี้มีคำตอบครับ

อย่า ลืมว่าประเทศมาเลเซียเป็นประเทศแบบสหพันธ์รัฐซึ่งในที่นี้หมายถึงรัฐต่างๆ ของมาเลเซียเองก็ยังมีกฎหมายเป็นของตนเองด้วย  และแต่ละรัฐก็มีผู้บริหารที่มาจากการเลือกตั้งเหมือนดังที่เกิดขึ้นในระดับ ประเทศทั่วไป  รวมไปถึงในระดับท้องถิ่นประเทศนี้ยังเปิดโอกาศให้มีการเลือกตั้งในระดับ ล่างสุดด้วย  แล้วทำไมอยู่ดีดีประเทศมาเลเซียต้องระงับไม่ให้มีการเลือกตั้งในระดับท้อง ถิ่น  เรื่องนี้มีอยู่ว่าเราคงทราบดีว่าเมื่อครั้งหนึ่งหลังจากที่มาลายาได้รับ เอกราชมีการชวนรัฐต่างๆเข้าร่วมกับมาลายาเพื่อก่อดังสหพันธ์รัฐมาเลเซียผู้ ที่ได้รับชวนเข้าร่วมได้แก่ ซาบะห์  ซาราวัค บรูไน  และสิงค์โปร   ท้ายที่สุดบรูไนไม่ยอมเข้าร่วม  แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ที่บรูไน  การที่สิงค์โปรเข้าร่วมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับมาเลเซียนั้นมีประเด็น หนึ่งซึ่งชาวจีนที่อยู่ในสิงค์โปรไม่เห็นด้วยคือเรื่องของการให้สิทธิพิเศษ แก่ชนเชื้อชาติมาลายู  ซึ่งทำให้เกิดการจราจลจนทำให้มีผู้เสียชีวิต  เหตนี้ทำให้สิงค์โปรต้องแยกตัวออกไปในที่สุด  ซึ่งความไม่พอใจในเรื่องดังกล่าวยังมีอยู่จนถึงปัจจุบัน

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น